นโยบายบริษัท

นโยบายการกำกับดูแลการใช้ข้อมูลภายในบริษัท และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

การกำกับดูแลการใช้ข้อมูลภายในบริษัท

แนวทางปฏิบัติ

บริษัทยึดมั่นในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“สำนักงาน ก.ล.ต.”) และกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทโดยใช้ข้อมูลภายในของบริษัท โดยกำหนดแนวทางในการกำกับดูแลการใช้ข้อมูลภายในของบริษัท ดังนี้

1. กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของบริษัท และบุคคลภายนอกที่มาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในของบริษัท จะต้องปฏิบัติตนดังนี้  

(1) เก็บรักษาข้อมูลภายในของบริษัทด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลภายในของบริษัทรั่วไหลออกไปภายนอก 

(2) ไม่เปิดเผยข้อมูลภายในของบริษัทแก่บุคคลอื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันการนำข้อมูลภายในไปใช้ในการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ 

2. กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของบริษัท และบุคคลภายนอกที่มาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในของบริษัท จะต้องปฏิบัติตามมาตรการห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ตามที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลภายในโดยมิชอบ 

3. บริษัทฯ ต้องจัดให้มีระบบการเก็บรักษาและป้องกันการใช้ข้อมูลภายในที่ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลภายในดังกล่าวจะไม่รั่วไหล และไม่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ไม่ว่าเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น 

4. กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎบัตร จรรยาบรรณ และคู่มือบรรษัทธรรมาภิบาลของบริษัท และแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเปิดเผยรายงานการถือและการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของตน คู่สมรส หรือผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ตามที่กำหนดในการใช้ข้อมูลภายในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.. 2535 (และที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) (“... หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ”) และพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 (และที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) รวมถึงกฎเกณฑ์อื่นใดที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด 

5. กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท ที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายนี้ ถือเป็นการทำผิดวินัยที่ต้องรับโทษตามการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัท และอาจได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้หากการกระทำนั้นเป็นความผิดตามกฎหมาย 

มาตรการห้ามซื้อหรือขายหลักทรัพย์

ห้ามมิให้กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน หรือบุคคลภายในของบริษัท ซึ่งรวมถึงบุคคลที่ถูกสันนิษฐานว่ารู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน ตามพ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ได้ทราบข้อมูลภายในของบริษัท นำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์ด้วยการซื้อ ขาย เสนอซื้อ เสนอขาย หรือชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อ ขาย เสนอซื้อ หรือเสนอขาย ซึ่งหลักทรัพย์ของบริษัท ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะทำเพื่อประโยชน์ต่อตนเองหรือผู้อื่นก็ตาม ทั้งนี้ บุคคลดังกล่าวจะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลที่ตนรับรู้แก่บุคคลอื่นที่อาจนำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์ได้เช่นเดียวกัน 

นอกจากนี้ กรรมการ ผู้บริหาร ผู้จัดการฝ่ายบัญชี พนักงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายใน รวมถึงคู่สมรสหรือผู้ที่อยู่กินฉันสามีภรรยา และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของบุคคลดังกล่าว จะต้องไม่ทำการซื้อ ขาย เสนอซื้อ เสนอขาย หรือชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อ ขาย เสนอซื้อ หรือเสนอขายหลักทรัพย์ของบริษัท ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ในช่วงเวลาก่อนที่จะเผยแพร่งบการเงิน หรือข้อมูลเกี่ยวกับฐานะการเงิน หรือผลการดำเนินงานทางการเงินทั้งรายปีและรายไตรมาสของบริษัทจนกว่าบริษัทจะได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณชนแล้ว 

ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้กรรมการ ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงบุคคลที่ถูกสันนิษฐานว่ารู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน หรือบริษัทจดทะเบียนอื่นที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายใน งดการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเป็นระยะเวลา 1 เดือน ก่อนที่งบการเงินรายไตรมาส หรือข้อมูลภายในนั้นจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน และควรละเว้นการซื้อขายอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ภายหลังจากที่ข้อมูลภายในของบริษัทได้เปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว รวมทั้งห้ามไม่ให้เปิดเผยข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญนั้นต่อบุคคลอื่น ไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ ก็ตาม 

การรายงานการถือและเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า

 1. บริษัทจะให้ความรู้แก่กรรมการและผู้บริหารของบริษัท เกี่ยวกับหน้าที่ในการจัดทำ เปิดเผยและนำส่งรายงานการถือและการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของตน คู่สมรส หรือผู้อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และนิติบุคคลที่ตนเอง คู่สมรสหรือผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละ 30 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของนิติบุคคลดังกล่าวและการถือหุ้นดังกล่าวเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดในนิติบุคคลนั้น ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ตามมาตรา 59 และบทกำหนดโทษตามมาตรา 275 ของพ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ และประกาศสำนักงาน ก.ล.ต. ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของบริษัท โดยตนเอง คู่สมรสหรือผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และนิติบุคคลที่มีลักษณะดังกล่าวข้างต้นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ตามมาตรา 246 และบทกำหนดโทษตามมาตรา 298 แห่งพ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ และประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่เกี่ยวข้อง 

2. กรรมการบริษัทและผู้บริหาร มีหน้าที่จัดทำ เปิดเผย และนำส่งรายงานการถือและการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของบริษัทและสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของตน คู่สมรสหรือผู้ที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมถึงนิติบุคคลที่ตนเอง ถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละ 30 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของนิติบุคคลดังกล่าวและการถือหุ้นดังกล่าวเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดในนิติบุคคลนั้น ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ตามมาตรา 59 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ และจัดส่งสำเนารายงานดังกล่าวให้แก่บริษัทในวันเดียวกันกับวันที่ส่งรายงานต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ทั้งนี้ ให้การจัดทำ ระยะเวลา และวิธีการในการนำส่งรายงานการถือและการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ และประกาศสำนักงาน ก.ล.ต. ที่เกี่ยวข้อง และเลขานุการบริษัทจะมีการจัดทำเป็นรายงานแจ้งให้คณะกรรมการบริษัทรับทราบเป็นประจำทุกไตรมาส 

การเก็บรักษาและป้องกันการใช้ข้อมูลภายใน

บริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลภายใน โดยบริษัทได้กำหนดข้อตกลงให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท หรืออดีตกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท มีหน้าที่เก็บรักษาความลับของบริษัท ทั้งนี้ การใช้ข้อมูลภายในของบริษัทจะต้องอยู่ภายใต้กรอบหน้าที่และความรับผิดชอบตามที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น การเปิดเผยข้อมูลภายในต่อสาธารณชน รวมถึงการสื่อสารข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในจะต้องได้รับความเห็นชอบจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารเท่านั้น มิเช่นนั้นจะถือว่าเป็นความผิด 

การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายและระเบียบการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการจัดให้มีมาตรการป้องกันความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลสารสนเทศ เพื่อเป็นการควบคุมข้อมูลภายในของบริษัท ซึ่งนโยบายและระเบียบดังกล่าว ได้รับการอนุมัติจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารแล้ว ดังนี้ 

1. การใช้งานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท จะต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (และที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) รวมถึงกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้อง 

2. บริษัทจะจำกัดการเข้าถึงข้อมูลภายในโดยให้เฉพาะผู้บริหารที่เข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ หรือผู้ที่มีหน้าที่โดยตรงในการบริหารงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ทั้งนี้ ให้รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นต่อพนักงานของบริษัท โดยบริษัทจะแจ้งให้พนักงานทราบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้นเป็นความลับ และไม่สามารถเปิดเผยให้แก่บุคคลภายนอกได้ 

3. ห้ามบุคคลใดทำการเปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ ลบทิ้ง หรือทำลายข้อมูลของบริษัท รวมทั้งห้ามมิให้เปิดเผยข้อมูลที่มีอยู่ในระบบของบริษัท โดยไม่ได้รับอนุญาต 

4. บริษัทจะจัดระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูล และเอกสารที่เป็นความลับอย่างเคร่งครัด 

5. พนักงานที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับ จะต้องใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ถูกต้องตามสิทธิที่ได้รับอนุญาต และจะต้องไม่ยินยอมให้ผู้อื่นใช้ หรือเข้าถึงรหัสผ่านสำหรับเข้าใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศนั้น 

6. ห้ามบุคคลใดใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเข้าถึง หรือส่งข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลที่มีเนื้อหาขัดต่อศีลธรรมอันดีเกี่ยวกับการพนัน การละเมิดสิทธิผู้อื่น หรือกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติ 

การสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์ จะต้องดำเนินการอย่างเหมาะสม ถูกต้องตามความเป็นจริง คำนึงถึงความเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท และจะไม่สื่อสารข้อมูลส่วนตัวในฐานะพนักงานของบริษัท ทั้งนี้ การดำเนินการใด ๆ ในฐานะตัวแทนของบริษัทผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จะดำเนินการได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติจากบุคคลหรือฝ่ายที่รับผิดชอบในเรื่องที่เกี่ยวข้องนั้น ๆ รวมถึงได้ดำเนินการตามอำนาจและขั้นตอนการอนุมัติของบริษัทแล้วเท่านั้น 

การทบทวนนโยบาย

บริษัทฯ กำหนดให้มีการทบทวนนโยบายฉบับนี้เป็นประจำทุกปี หรือเมื่อมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง และเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติหากมีการเปลี่ยนแปลง 

นโยบายฉบับนี้อนุมัติโดย มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 และมีผลบังคับใช้ในวันเดียวกัน