TAG: ความรู้/เทคนิค

Uncategorized

เบรกเฟด (Brake Fade) คืออะไร อันตรายแค่ไหน

เบรกเฟด (Brake Fade) อาการที่ระบบเบรกของรถยนต์สูญเสียประสิทธิภาพในการทำงานหรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “เบรกไม่อยู่” หรือ “เบรกจม” ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายอย่างยิ่งเพราะทำให้ระยะเบรกไกลขึ้นกว่าปกติ หรือในกรณีที่รุนแรงอาจไม่สามารถชะลอหรือหยุดรถได้เลยแม้จะเหยียบแป้นเบรกสุดแล้วก็ตาม อาการเบรกเฟดเป็นอย่างไร? เหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่าแป้นเบรกจมลึกกว่าปกติ ต้องออกแรงเหยียบเบรกมากขึ้น เหยียบเบรกแล้วรถไม่ค่อยอยู่ รู้สึกว่ารถลื่นไถลไปข้างหน้ามากกว่าปกติ ได้กลิ่นไหม้ บริเวณล้อรถ ซึ่งเกิดจากความร้อนสูงของผ้าเบรกและจานเบรก อันตรายแค่ไหน? การเกิดเบรกเฟดหมายถึงการสูญเสียการควบคุมรถยนต์ในการหยุดรถ สถานการณ์ที่มักเกิดเบรกเฟด ได้แก่ ขณะขับรถลงเขาหรือทางลาดชันเป็นเวลานาน: การใช้เบรกอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความร้อนสะสมสูง การเบรกกะทันหันด้วยความเร็วสูง: ทำให้ระบบเบรกต้องรับภาระหนักในทันที การบรรทุกของหนักเกินพิกัด: ทำให้ระบบเบรกต้องทำงานหนักขึ้นกว่าปกติ สาเหตุหลักของอาการเบรกเฟด     1.เฟดจากผ้าเบรกและจานเบรก (Friction Fade): เกิดจากการเสียดสีระหว่างผ้าเบรกและจานเบรกอย่างรุนแรงและต่อเนื่

Uncategorized

วิธีเลือกเกียร์รถ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์รถติดไฟแดง

การเลือกเกียร์ให้เหมาะกับสถานการณ์รถติดไฟแดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจราจรในเมือง การจอดติดไฟแดงบ่อย หยุดนิ่งนานๆ หรือขยับแบบช้าๆ ต้องใช้เกียร์อย่างไรถึงจะดีต่อระบบเกียร์และช่วยยืดอายุรถ วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากกัน กรณีหยุดรถไม่นาน (ประมาณไม่เกิน 1 นาที) เกียร์ D (Drive) เหมาะสำหรับการหยุดชั่วคราว เช่น รถติดไฟแดงไม่เกิน 1 นาที หรือจราจรเคลื่อนตัวช้า ๆ สลับหยุดเป็นช่วง ๆ ให้เข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเบรกค้างไว้ได้เลย โดยไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อย ๆ เพื่อถนอมระบบเกียร์และลดความสึกหรอ กรณีหยุดรถนาน (มากกว่า 1 นาทีขึ้นไป) เกียร์ N (Neutral) ควรเปลี่ยนไปใช้เกียร์ว่าง พร้อมดึงเบรกมือขึ้น เพื่อป้องกันรถไหลและลดภาระของระบบเกียร์ การใช้เกียร์ N ช่วยลดความร้อนสะสมในชุดเกียร์ และช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น หลีกเลี่ยงการใช้เกียร์ P (Park) ขณะรถยังติดเครื่องและหยุดนิ่ง เพราะเกียร์ P มีระบบล็อกชุดเกียร์ไว้หากเปลี่ยนเกียร์ P ขณะรถยังเคลื่อนที่อยู่ อาจทำให้ระบบเกียร์เสียหายได้ การใช้เกียร์ P (Park) ใช้เฉพาะตอนจอดรถดับเครื่องยนต์ หรือจอดบนทางลาดชันเพื่อป้องกันรถไหล ไม่ควรใช้เกียร์ P ขณะรถยังติดเครื่องและหยุดนิ่งบนถนน

knowledge

หน้าฝนนี้ ลุยน้ำยังไงให้ปลอดภัย?

เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน อย่าประมาทหากต้องขับลุยน้ำท่วม วันนี้เรามีเทคนิคขับรถลุยน้ำท่วมมาฝาก ทั้งการประเมินระดับน้ำก่อนลุย และวิธีดูแลรถหลังลุยน้ำ เพื่อความปลอดภัยของคุณและรถที่คุณรัก 1.ประเมินระดับน้ำก่อนลุย น้ำไม่ควรเกินครึ่งล้อ (ไม่เกิน 30 ซม.) หากน้ำสูงเกินนี้ควรหลีกเลี่ยง เพราะเสี่ยงที่น้ำจะเข้าเครื่องยนต์หรือห้องโดยสารได้ โดยสังเกตจากรถคันอื่นที่ขับผ่าน หรือดูระดับน้ำเทียบกับฟุตบาท ถ้าท่วมถึงขอบประตู = หยุด! อย่าลุย หยุดรถทันทีและไม่ลุยต่อ เพราะน้ำอาจไหลเข้าห้องโดยสารและระบบไฟฟ้า ทำให้เครื่องยนต์ดับหรือเกิดความเสียหายได้ ควรโทรแจ้งประกันภัยหรือหน่วยช่วยเหลือ และหากน้ำเข้ารถ ให้ปิดแอร์ ปิดสวิตช์ไฟ และถอดแบตเตอรี่ออก (ถ้าทำได้) เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร 2.เทคนิคขับลุยน้ำ ใช้เกียร์ต่ำ / ลดความเร็ว สำหรับเกียร์กระปุกควรใช้แค่ เกียร์ 1  หรือ เกียร์ 2 สำหรับเกียร์ออโต้ควรใช้เกียร์L หรือ เกียร์ 1 พร้อมลดความเร็วให้อยู่ในช่วง 60-80 กม./ชม เพื่อรักษารอบเครื่องยนต์ 1,500-2,000 รอบ/นาที ลดโอกาสเครื่องยนต์ดับและป้องกันน้ำเข้าสู่เครื่องยนต์ เว้นระยะห่างจากคันหน้า การเว้นระยะห่างจากคันหน้าเมื่อขับรถล

ACDelco

สัญญาณที่บ่งบอกว่า ไส้กรองแอร์เกิดปัญหา

การสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกว่าไส้กรองแอร์เกิดปัญหาหรือเสื่อมสภาพสามารถทำได้จากอาการต่อไปนี้ 1.มีกลิ่นไม่พึงประสงค์หรือเหม็นอับออกมาจากแอร์ หากมีกลิ่นอับชื้น อาจเกิดจากไส้กรองแอร์สกปรก หรือในบางกรณีอาจพบสัตว์เล็ก เช่น หนู เข้าไปติดอยู่ภายในแผ่นกรอง ซึ่งจะทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ 2.แรงลมจากแอร์เบาลง หรือแอร์ทำความเย็นได้ไม่ดีเหมือนเดิม หากรู้สึกว่าแรงลมที่ออกมาจากแอร์เบาลง มีเสียงลมดังผิดปกติ หรือรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็นเหมือนปกติอาจเป็นเพราะไส้กรองแอร์อุดตัน อากาศไม่สามารถไหลผ่านได้เต็มที่ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำความเย็นลดลง 3.รถกินน้ำมันมากกว่าปกติ สังเกตเห็นว่ารถกินน้ำมันมากขึ้น แม้ปัญหานี้จะเกิดได้จากหลายอย่าง แต่ก็รวมไปถึงไส้กรองแอร์ได้ด้วยเช่นเไส้ดียวกัน หากพบสัญญาณเหล่านี้ ควรพิจารณาเปลี่ยนไส้กรองแอร์เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับระบบแอร์และเพื่อรักษาคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสาร หากเจอสัญญาณเหล่านี้ รีบตรวจสอบและเปลี่ยนไส้กรองแอร์ของคุณทันที ด้วยไส้กรองแอร์ ACDelco เพื่อระบบแอร์ที่เย็นสดชื่น และประหยัดพลังงาน ปรึกษา/สั่งซื้อ/สมัครตัวแทน : LINE ID @gpautoparts (มี @) หรือคลิก https:/

ACDelco

เปรียบเทียบโช้คอัพยอดฮิต ปี 2025 เลือกยี่ห้อไหนดี ?

เปรียบเทียบโช้คอัพยอดฮิต ปี 2025 เลือกยี่ห้อไหนดี? ระหว่าง Tokico, KYB, ACDelco เมื่อพูดถึงการเลือกโช้คอัพสำหรับรถยนต์ในปี 2025 แน่นอนว่ามีตัวเลือกมากมายที่ต้องพิจารณา ซึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและเชื่อถือได้สูงสุดได้แก่ Tokico, KYB, และ ACDelco แต่แบรนด์ไหนจะเหมาะกับรถของคุณที่สุด? วันนี้เรามาดูข้อดีและข้อเด่นของแต่ละแบรนด์กัน! Tokico : อันดับ 1 ที่ผู้ผลิตรถระดับโลกเลือกใช้ เป็นโช้คอัพสมรรถนะสูงที่ผ่านการออกแบบ และทดสอบ จากประเทศญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นเพื่อสนองตอบการขับขี่หลากหลายสไตล์ Tokico Standard Series โช้คอัพน้ำมัน, มินิสตรัทน้ำมัน, สตรัทน้ำมัน  เหนือมาตรฐานโช้คติดรถ เหมาะสำหรับผู้ใช้รถทั่วไปที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับช่วงล่างของรถยนต์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มหนึบ และใช้ทดแทนโช้คอัพตัวเก่า ที่เสื่อมสภาพได้เป็นอย่างดี ครอบคลุมทั้งรถกระบะ รถตู้ SUV MPV และรถเก๋ง โช้คอัพแก๊ส, มินิสตรัทแก๊ส, สตรัทแก๊ส เหนือมาตรฐานโช้คติดรถ เหมาะสำหรับผู้ใช้รถทั่วไปที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับช่วงล่างของรถยนต์ ช่วยให้ยึดเกาะถนนได้ดี ตอบสนองการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว แม้ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง สมรรถ

ค้นหา:

More Posts