เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน อย่าประมาทหากต้องขับลุยน้ำท่วม วันนี้เรามีเทคนิคขับรถลุยน้ำท่วมมาฝาก ทั้งการประเมินระดับน้ำก่อนลุย และวิธีดูแลรถหลังลุยน้ำ เพื่อความปลอดภัยของคุณและรถที่คุณรัก
1.ประเมินระดับน้ำก่อนลุย
- น้ำไม่ควรเกินครึ่งล้อ (ไม่เกิน 30 ซม.)
หากน้ำสูงเกินนี้ควรหลีกเลี่ยง เพราะเสี่ยงที่น้ำจะเข้าเครื่องยนต์หรือห้องโดยสารได้ โดยสังเกตจากรถคันอื่นที่ขับผ่าน หรือดูระดับน้ำเทียบกับฟุตบาท
- ถ้าท่วมถึงขอบประตู = หยุด! อย่าลุย
หยุดรถทันทีและไม่ลุยต่อ เพราะน้ำอาจไหลเข้าห้องโดยสารและระบบไฟฟ้า ทำให้เครื่องยนต์ดับหรือเกิดความเสียหายได้ ควรโทรแจ้งประกันภัยหรือหน่วยช่วยเหลือ และหากน้ำเข้ารถ ให้ปิดแอร์ ปิดสวิตช์ไฟ และถอดแบตเตอรี่ออก (ถ้าทำได้) เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
2.เทคนิคขับลุยน้ำ
- ใช้เกียร์ต่ำ / ลดความเร็ว
สำหรับเกียร์กระปุกควรใช้แค่ เกียร์ 1 หรือ เกียร์ 2
สำหรับเกียร์ออโต้ควรใช้เกียร์L หรือ เกียร์ 1
พร้อมลดความเร็วให้อยู่ในช่วง 60-80 กม./ชม เพื่อรักษารอบเครื่องยนต์ 1,500-2,000 รอบ/นาที ลดโอกาสเครื่องยนต์ดับและป้องกันน้ำเข้าสู่เครื่องยนต์
- เว้นระยะห่างจากคันหน้า
การเว้นระยะห่างจากคันหน้าเมื่อขับรถลุยน้ำท่วมขังควรเพิ่มเป็นประมาณ 50 เมตร เนื่องจากระบบเบรกที่แช่น้ำจะมีประสิทธิภาพลดลง และช่วยให้มองเห็นทัศนวิสัยได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงที่เครื่องยนต์จะดับ
- ปิดแอร์ ถ้าน้ำท่วมสูง
เมื่อขับรถลุยน้ำท่วมที่ระดับน้ำสูงเกิน 10 เซนติเมตรควรปิดแอร์ทันที เพราะพัดลมแอร์ที่ทำงานอยู่จะพัดน้ำเข้าสู่ห้องเครื่องทำให้มีโอกาสเครื่องยนต์ดับและระบบไฟฟ้าช็อต รวมถึงป้องกันใบพัดพัดลมเสียหายจากเศษขยะในน้ำด้วย
- ห้ามเร่งเครื่องแรง
การเร่งเครื่องจะเพิ่มแรงดูดอากาศและน้ำเข้าสู่เครื่องยนต์ ทำให้เสี่ยงเครื่องยนต์ดับและเกิดความเสียหายมากขึ้นควรขับช้า ใช้เกียร์ต่ำ และรักษารอบเครื่องยนต์ให้สม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัย
- รถดับ = ห้ามสตาร์ดเครื่อง
การสตาร์ทซ้ำจะทำให้น้ำเข้าสู่เครื่องยนต์ผ่านท่อไอดีหรือระบบกรองอากาศ ส่งผลให้เครื่องยนต์เสียหายรุนแรงและอาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ ควรตั้งสติ เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน และหากเป็นไปได้ให้เข็นหรือเรียกรถลากออกจากพื้นที่น้ำท่วม
3.หลังลุยน้ำท่วมต้องทำอะไรบ้าง
- จอดไว้ให้ไอเสียแห้งก่อนดับเครื่อง
ควรจอดรถทิ้งไว้สักพักเพื่อให้ไอเสียและความชื้นในท่อไอเสียระเหยออกก่อนดับเครื่อง หากพบความชื้นหรือน้ำขังให้รีบเช็ดหรือเป่าลมให้แห้ง และนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจสอบระบบต่างๆ อย่างละเอียดเพื่อป้องกันความเสียหายระยะยาว
- เหยียบเบรกย้ำ ๆ ไล่น้ำ
ตรวจสอบระบบเบรกโดยเหยียบเบรก 2-3 ครั้งเพื่อไล่น้ำออก ช่วยให้เบรกกลับมาทำงานได้ดี
- ตรวจเครื่อง-เบรก-ระบบไฟ ว่าปกติดี
ตรวจเครื่องยนต์ : ไม่มีเสียงผิดปกติ หรือควันขาวผิดปกติ
ตรวจระบบเบรก : เหยียบเบรกหลายครั้งเพื่อไล่น้ำและความชื้นออก และตรวจสอบว่าการเบรกยังมีประสิทธิภาพดี
ตรวจระบบไฟฟ้า : ไม่มีไฟกระพริบหรือดับการตรวจสอบเหล่านี้ช่วยป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหายหลังขับลุยน้ำ
- เช็กห้องโดยสาร-พรม-กล่องฟิวส์ ให้แห้งหมด
ควรเช็กและทำให้ส่วนต่างๆ ภายในรถแห้งอย่างทั่วถึงเพื่อป้องกันความเสียหายและกลิ่นอับ
ห้องโดยสาร: เปิดประตูและหน้าต่างให้ลมถ่ายเท ช่วยลดความชื้นและป้องกันเชื้อรา
พรมปูพื้น: ยกพรมออกมาตากแดดหรือใช้ผ้าซับน้ำออกให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันเชื้อราและกลิ่นเหม็นอับ
กล่องฟิวส์ : ตรวจสอบและเช็ดให้แห้งทันที หากมีน้ำเข้า ควรใช้ผ้าแห้งหรือเครื่องเป่า ลมเย็นเป่าให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการลัดวงจรหรือความเสียหายของระบบไฟฟ้า
ขับขี่อย่างระมัดระวัง และดูแลรถให้พร้อมทุกสภาพอากาศนะ
#หน้าฝน #ลุยน้ำอย่างปลอดภัย #ดูแลรถหลังฝนตก