ระบบ ABS มีผลต่อระยะเบรก ความปลอดภัยในสภาพถนนลื่นอย่างไร

ในสถานการณ์ฤดูที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษบนถนนลื่น ระบบเบรก ABS มีบทบาทสำคัญ มาดูกันว่ามันทำงานอย่างไร และส่งผลต่อระยะเบรกจริงหรือไม่

ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System)

เข้ามามีบทบาทสำคัญป้องกันล้อล็อกในยามเบรกแรงถูกออกแบบมาเพื่อลดโอกาสที่ล้อรถจะล็อกตายทำให้ผู้ขับขี่ยังคงบังคับทิศทางของรถได้แม้ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องเบรกกะทันหันหรือขับบนถนนที่ลื่น.

หลักการทำงานของ ABS

เมื่อคุณเหยียบเบรกจนสุดเพื่อหยุดรถกะทันหัน เซ็นเซอร์ที่ล้อจะทำงานทันที หากตรวจพบว่าล้อใดกำลังจะหยุดหมุน (ล็อก) ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบบ ABS  จะเข้าควบคุมระบบเบรกทันที โดยสั่งให้ปั๊มเบรก ” จับและปล่อย ”  ที่จานเบรกซ้ำๆความเร็วสูงถึง 16-50 ครั้งต่อวินาที เพื่อป้องกันการล็อก ซึ่งการทำงานนี้จะส่งผลให้ผู้ขับขี่ รู้สึกถึงอาการสั่นสะท้านที่แป้นเบรกเป็นจังหวะถี่ๆ และนั่นคือสัญญาณว่าระบบกำลังทำงานอย่างถูกต้อง

ผลต่อระยะเบรกและความปลอดภัย

  • บนถนนแห้งและปกติ: ระยะเบรกของรถที่มี ABS โดยปกติจะสั้นลง หรือใกล้เคียงกับเบรกแบบปกติ หากเบรกในกรณีฉุกเฉินแรงๆ เพราะล้อจะไม่ถูกล็อก
  • บนถนนเปียกลื่น: ระบบ ABS จะทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพโดยเข้ามาช่วย รักษาการยึดเกาะถนนให้ได้มากที่สุดซึ่งส่งผลโดยตรงในการ ป้องกันทั้งอาการลื่นไถลและการเหินน้ำ (Hydroplaning) เมื่อเบรกอย่างฉับพลัน ทำให้ระยะเบรกโดยรวมสั้นลงหรือเทียบเท่ากับระบบเบรกธรรมดา
  • บนถนนพื้นผิวร่อน (กรวด/ทราย/ลูกรัง): อาจทำให้มีระยะทางเพิ่มขึ้นกว่าปกติ เมื่อเทียบกับเบรกธรรมดาโดยไม่มี ABS เพราะล้อไม่ฝังตัวลงในกรวดทรายเพื่อหยุดรถเหมือนกรณีล้อล็อก แต่ข้อดีคือ ผู้ขับยังควบคุมทิศทางพวงมาลัยได้ในขณะเบรก

ระบบเบรก ABS คือเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันล้อล็อกขณะเบรกแรง ช่วยให้รถยังคงควบคุมทิศทางได้แม้ในสถานการณ์ฉุกเฉินบนถนนลื่น อย่างไรก็ตามควรหมั่นตรวจเช็กผ้าเบรก จานเบรก และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกตามระยะทางเพื่อให้ระบบเบรกทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยทุกสภาพถนน

More Posts